ในหน้าร้อนแบบนี้ หลายคนคงต้องเปิดแอร์กันแทบจะทั้งวัน ซึ่งก็ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย แต่รู้หรือไม่ว่าแอร์ที่มีระบบ Inverter ช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าแอร์แบบธรรมดาถึง 20-30% เลยทีเดียว
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับระบบ Inverter ของแอร์มากขึ้น โดยเราจะอธิบายตั้งแต่พื้นฐานของระบบไปจนถึงประโยชน์และข้อดีของการใช้แอร์ Inverter เพื่อให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศได้อย่างคุ้มค่า
แอร์ระบบ Inverter คืออะไร
ระบบ Inverter คือระบบควบคุมการทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่แปลงกระแสไฟฟ้าสลับ (AC) จากแหล่งจ่ายไฟทั่วไปให้เป็นไฟกระแสตรง (DC) โดยวงจรคอนเวอร์เตอร์ (Converter Circuit) จากนั้นไฟกระแสตรงจะถูกแปลงเป็นกระแสไฟสลับอีกครั้ง สามารถปรับขนาดแรงดันและความถี่ได้โดยวงจรอินเวอร์เตอร์ (Inverter Circuit)
การทำงานของแอร์ Inverter
แอร์ Inverter จะทำงานแตกต่างจากแอร์แบบธรรมดาที่ทำงานแบบสตาร์ท-ดับ (On-Off) นั่นคือ เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ ระบบจะทำงานเต็มกำลังเพื่อทำความเย็นห้องให้ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ เมื่อถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ระบบจะตัดการทำงาน ทำให้อุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้น และระบบจะทำงานอีกครั้งเพื่อทำความเย็นห้องให้กลับสู่อุณหภูมิที่ตั้งไว้ การทำงานแบบสตาร์ท-ดับนี้ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากคอมเพรสเซอร์ต้องทำงานเต็มกำลังเมื่อเริ่มเปิดเครื่อง และทำงานอีกครั้งเมื่ออุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้น
ระบบ Inverter สามารถปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ได้ตามความต้องการ ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทำงานแบบสตาร์ท-ดับ ซึ่งช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับระบบเครื่องปรับอากาศแบบเดิม
ระบบแอร์ Inverter ช่วยประหยัดไฟยังไง
แอร์ Inverter ช่วยประหยัดไฟได้เพราะสามารถปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ได้ตามความต้องการ ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทำงานแบบสตาร์ท-ดับ
เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ แอร์ Inverter จะทำงานด้วยรอบต่ำๆ เพื่อทำความเย็นห้องให้ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ เมื่อถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แอร์ Inverter จะปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้ต่ำลงเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ โดยไม่ต้องทำงานแบบสตาร์ท-ดับ
การทำงานแบบสตาร์ท-ดับของแอร์แบบธรรมดานั้น คอมเพรสเซอร์จะทำงานด้วยรอบเต็มกำลังเมื่อเริ่มเปิดเครื่อง และทำงานอีกครั้งเมื่ออุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้น ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่าแอร์ Inverter
ความแตกต่างระหว่างแอร์ Inverter กับ แอร์ธรรมดา
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างระบบ Inverter แอร์กับระบบธรรมดาคือ ระบบ Inverter สามารถปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ได้ตามความต้องการ ในขณะที่ระบบธรรมดาทำงานแบบสตาร์ท-ดับ
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างแอร์ Inverter กับแอร์ธรรมดา
ประโยชน์ของแอร์ระบบ Inverter
ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า ระบบ Inverter สามารถปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ได้ตามความต้องการ ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องทำงานแบบสตาร์ท-ดับ
เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ แอร์ Inverter จะทำงานด้วยรอบต่ำๆ เพื่อทำความเย็นห้องให้ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ เมื่อถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แอร์ Inverter จะปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้ต่ำลงเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ โดยไม่ต้องทำงานแบบสตาร์ท-ดับ
การทำงานแบบสตาร์ท-ดับของแอร์แบบธรรมดานั้น คอมเพรสเซอร์จะทำงานด้วยรอบเต็มกำลังเมื่อเริ่มเปิดเครื่อง และทำงานอีกครั้งเมื่ออุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้น ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่าแอร์ Inverter
ข้อดีของระบบ Inverter แอร์
1. ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ระบบ Inverter สามารถช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าแอร์แบบธรรมดาถึง 20-30% เมื่อเทียบกับระบบเครื่องปรับอากาศแบบเดิม ซึ่งทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าไฟในระยะยาว
2. เงียบกว่า
ระบบ Inverter ทำงานโดยการปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ทำให้สามารถทำงานด้วยรอบต่ำๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เสียงรบกวนจากคอมเพรสเซอร์ลดลง แอร์ Inverter จึงทำงานเงียบกว่าแอร์แบบธรรมดา
3. อายุการใช้งานยาวนานกว่า
ระบบ Inverter ช่วยลดการสึกหรอของคอมเพรสเซอร์ เนื่องจากไม่ต้องทำงานเต็มกำลังบ่อยๆ ทำให้แอร์ Inverter มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแอร์แบบธรรมดา
5. ช่วยลดปัญหาไฟกระชาก
การสตาร์ท-ดับของแอร์แบบธรรมดา ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้ากระชาก ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านได้ ระบบ Inverter ช่วยลดปัญหาไฟกระชากได้ เนื่องจากสามารถทำงานได้อย่างนุ่มนวล
ข้อเสียของระบบ Inverter แอร์
1. ราคาสูงกว่าแอร์แบบธรรมดา
ระบบ Inverter ต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่า ทำให้แอร์ Inverter มีราคาสูงกว่าแอร์แบบธรรมดา
2. ซ่อมแซมยากกว่า
ระบบ Inverter มีชิ้นส่วนที่ซับซ้อนกว่า ทำให้การซ่อมแซมยากกว่าและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมก็สูงกว่า
วิธีเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ inverter
1. ขนาดของห้อง
ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของห้อง เพื่อให้สามารถทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ่านเพิ่มเติมสำหรับการเลือกแอร์ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง
2. ความต้องการในการทำความเย็น
ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีระดับความเย็นที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของคุณ
3. งบประมาณ
ควรพิจารณางบประมาณของคุณในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ คุณควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยี่ห้อและรุ่นของเครื่องปรับอากาศ Inverter ให้ดี เพื่อเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพและคุ้มค่า
ตัวอย่างการคำนวณค่าไฟ
สมมติว่าคุณต้องการซื้อเครื่องปรับอากาศ Inverter ขนาด 12,000 BTU เพื่อใช้ในห้องพักขนาด 20 ตารางเมตร โดยคุณตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส
หากใช้แอร์แบบธรรมดา คุณจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 700-800 วัตต์ เพื่อทำความเย็นห้องให้ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ เมื่อถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แอร์แบบธรรมดาจะหยุดทำงาน ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าประมาณ 700-800 วัตต์/ชั่วโมง
หากใช้แอร์ Inverter คุณจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 400-500 วัตต์ เพื่อทำความเย็นห้องให้ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ เมื่อถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แอร์ Inverter จะปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้ต่ำลง ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าประมาณ 200-300 วัตต์/ชั่วโมง
จากการคำนวณข้างต้น จะเห็นได้ว่าแอร์ Inverter ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าแอร์แบบธรรมดาถึงประมาณ 50% เมื่อเทียบกับระยะเวลาการใช้งาน 1 ชั่วโมง วิธีการอ่านและคำนวณ BTU
หากใช้แอร์แบบธรรมดา คุณจะเสียค่าไฟประมาณ 7-8 บาท/ชั่วโมง
หากใช้แอร์ Inverter คุณจะเสียค่าไฟประมาณ 3-4 บาท/ชั่วโมง
จากการคำนวณข้างต้น จะเห็นได้ว่าการใช้แอร์ Inverter จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 4-5 บาท/ชั่วโมง เมื่อเทียบกับการใช้แอร์แบบธรรมดา
สรุป
แอร์ Inverter เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายในระยะยาว โดยแอร์ Inverter นั้นทำงานแตกต่างจากแอร์แบบธรรมดาที่ทำงานแบบสตาร์ท-ดับ ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าถึง 20-30% นอกจากนี้ แอร์ Inverter ยังทำงานเงียบกว่า มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และช่วยลดปัญหาไฟกระชากอีกด้วย